เมื่อพูดถึงยาไวอากร้า (Viagra) หรือที่รู้จักกันในชื่อสามัญว่า ซิลเดนาฟิล (Sildenafil) หลายคนคงสงสัยว่า “ใช้แล้วแข็งจริงไหม?” คำถามนี้ไม่เพียงแต่เกิดกับผู้ชายที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction – ED) เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่กำลังพิจารณาจะใช้ไวอากร้าครั้งแรก หรือแม้แต่คนที่อยากรู้เพื่อเป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจ บทความนี้จะตอบทุกข้อสงสัย ตั้งแต่หลักการทำงานของยา ข้อดี ข้อควรระวัง วิธีใช้ ไปจนถึงผลลัพธ์ที่แท้จริงจากผู้ใช้จริง
ไวอากร้าคืออะไร?
ไวอากร้าเป็นชื่อทางการค้าของยา ซิลเดนาฟิล ซิเตรต (Sildenafil Citrate) ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Pfizer ในช่วงปลายยุค 1990 โดยเริ่มต้นเพื่อรักษาโรคหัวใจขาดเลือด แต่ภายหลังพบว่ายานี้มีผลต่อการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายที่มีปัญหาแข็งตัวไม่เต็มที่ จึงนำไปพัฒนาและได้รับการอนุมัติจาก FDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ) ให้ใช้รักษา ED อย่างเป็นทางการ
ไวอากร้าทำงานอย่างไร?
ยานี้เป็นกลุ่ม PDE5 inhibitors (Phosphodiesterase type 5 inhibitors) ซึ่งทำงานโดยขยายหลอดเลือดในอวัยวะเพศชาย ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น เมื่อต้องมีการกระตุ้นทางเพศ ระบบประสาทจะส่งสัญญาณให้หลอดเลือดขยายตัว ซึ่งไวอากร้าจะเสริมกระบวนการนี้ ช่วยให้อวัยวะเพศสามารถแข็งตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพและคงทนนานพอสำหรับการมีเพศสัมพันธ์
สรุป: ไวอากร้าจะไม่ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวเองทันที ต้องมีการกระตุ้นทางเพศร่วมด้วย
ใช้แล้วแข็งจริงไหม?
คำตอบคือ: ใช่ แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน
จากผลวิจัยพบว่าไวอากร้ามีอัตราความสำเร็จในการรักษา ED อยู่ที่ ประมาณ 70-85% ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ใช้และปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เช่น
-
ระดับความเครียด
-
ภาวะสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
-
โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง
-
การใช้ยาร่วมอื่น ๆ
บางรายอาจรู้สึกแข็งตัวเร็วภายใน 30 นาที แต่โดยเฉลี่ยไวอากร้าจะออกฤทธิ์เต็มที่ในเวลา 1 ชั่วโมงหลังรับประทาน และสามารถอยู่ในระบบได้นาน 4-6 ชั่วโมง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไวอากร้า
1. ต้องกินตอนไหน?
ควรกินก่อนกิจกรรมทางเพศประมาณ 30-60 นาที พร้อมน้ำเปล่า หลีกเลี่ยงการทานอาหารมันจัดหรือดื่มแอลกอฮอล์ก่อนกินยา เพราะอาจลดประสิทธิภาพของยา
2. ไวอากร้าช่วยเพิ่มขนาดอวัยวะเพศหรือไม่?
ไม่ใช่ ไวอากร้าไม่สามารถเพิ่มขนาดได้ แต่เมื่อแข็งตัวเต็มที่ อวัยวะเพศอาจดูใหญ่ขึ้นกว่าปกติในช่วงไม่แข็งตัว ซึ่งเป็นผลจากการไหลเวียนเลือด
3. ใช้แล้วเสพติดไหม?
ไม่เกิดการเสพติดในลักษณะเดียวกับยาเสพติด แต่บางคนอาจเกิดภาวะพึ่งพาทางจิตใจ คือมั่นใจเมื่อใช้ยาเท่านั้น
4. ใช้ทุกวันได้ไหม?
ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้ทุกวันโดยไม่จำเป็น ควรใช้เมื่อมีความต้องการเท่านั้น หรือในบางกรณีอาจใช้ขนาดต่ำทุกวัน (daily dose) แบบ Cialis หากมีปัญหาเรื้อรัง
5. ใช้กับแอลกอฮอล์ได้หรือไม่?
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ความดันเลือดลดต่ำมากเกินไป ส่งผลให้เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือหัวใจเต้นผิดปกติ
ใครควรใช้ไวอากร้า?
-
ผู้ที่มีอาการ ED จากสาเหตุทางร่างกายหรือจิตใจ
-
ผู้ที่มีปัญหาแข็งตัวไม่เต็มที่หรือหลั่งไว
-
ผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไปที่สมรรถภาพทางเพศลดลง
ข้อห้ามใช้:
-
ผู้ที่ใช้ยากลุ่มไนเตรต เช่น Nitroglycerin (ใช้รักษาโรคหัวใจ)
-
ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำหรือป่วยเป็นโรคหัวใจรุนแรง
-
ผู้ที่แพ้ยาซิลเดนาฟิล
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ส่วนใหญ่ผลข้างเคียงจะไม่รุนแรงและหายได้เอง เช่น
-
ปวดศีรษะ
-
ตาเบลอ เห็นแสงสีผิดปกติ
-
หน้าแดง ใจสั่น
-
คัดจมูก หรือปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย
ในกรณีรุนแรง (พบได้น้อย) เช่น การแข็งตัวของอวัยวะเพศที่นานเกิน 4 ชั่วโมง (Priapism) หรือความดันโลหิตลดลง ควรพบแพทย์ทันที
รีวิวจากผู้ใช้จริง
“ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกไม่มั่นใจเลยเวลาอยู่กับแฟน พอลองใช้ไวอากร้าแบบครึ่งเม็ด ก็รู้สึกว่ามั่นใจขึ้นมาก แข็งดี มีพลังเหมือนตอนวัยรุ่นอีกครั้งครับ” – คุณเอก, อายุ 45 ปี
“ผมเป็นเบาหวานและเคยคิดว่าคงหมดหวังเรื่องเซ็กส์แล้ว แต่พอลองปรึกษาแพทย์และใช้ไวอากร้าในขนาดที่เหมาะสม ชีวิตคู่กลับมาสดใสอีกครั้งครับ” – คุณสมชาย, อายุ 58 ปี
สรุป: ควรใช้ไวอากร้าหรือไม่?
หากคุณมีปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศ และไม่มีข้อห้ามทางการแพทย์ การใช้ไวอากร้าอาจเป็นทางออกที่ดีและปลอดภัยเมื่อใช้ตามคำแนะนำ มันไม่ได้แค่ช่วยให้แข็งตัว “จริง” แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ และคุณภาพชีวิตทางเพศโดยรวม
อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มใช้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อประเมินความเสี่ยงและเลือกขนาดยาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด และอย่าลืมว่า ยาเพียงอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบทุกอย่าง การดูแลสุขภาพกายและใจควบคู่กันคือหัวใจสำคัญของชีวิตเซ็กส์ที่ดี