ไวอากร้าช่วยรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้อย่างไร?

“หย่อนสมรรถภาพทางเพศ” (Erectile Dysfunction หรือ ED) เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ชายจำนวนมาก โดยเฉพาะในวัยกลางคนขึ้นไป ปัญหานี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อจิตใจ ความสัมพันธ์ และความมั่นใจในตัวเองด้วย หนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมและพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะ ED คือ ยาไวอากร้า (Viagra) ซึ่งเป็นตัวยาชนิดแรกที่ได้รับการรับรองให้ใช้รักษาภาวะนี้โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

บทความนี้จะพาคุณมาเจาะลึกว่าไวอากร้าทำงานอย่างไรกับร่างกายของผู้ชาย กลไกการออกฤทธิ์เป็นอย่างไร และเหตุใดจึงมีประสิทธิภาพในการรักษา ED พร้อมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ


หย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) คืออะไร?

ED (Erectile Dysfunction) คือภาวะที่อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัวได้เต็มที่ หรือไม่สามารถแข็งตัวได้นานพอจนเสร็จกิจกรรมทางเพศ อาการนี้อาจเกิดเป็นบางครั้งหรือเกิดถาวร ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น:

  • ความเครียด วิตกกังวล

  • โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง

  • พฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์

  • ความผิดปกติของหลอดเลือด

  • การใช้ยาบางชนิด หรือฮอร์โมนเพศต่ำ


ไวอากร้าคืออะไร?

ไวอากร้า (Viagra) มีชื่อสามัญว่า ซิลเดนาฟิล ซิเตรต (Sildenafil Citrate) เป็นยาในกลุ่ม Phosphodiesterase type 5 inhibitors (PDE5 inhibitors) ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท Pfizer [ยาเทียบเท่า เช่น kamagra ,caverta ,sidegra เป็นต้น] และได้รับการอนุมัติจาก FDA ในปี ค.ศ. 1998 ให้ใช้เป็นยารักษาภาวะ ED อย่างเป็นทางการ


กลไกการออกฤทธิ์ของไวอากร้า

เพื่อเข้าใจว่าไวอากร้าทำงานอย่างไร จำเป็นต้องเข้าใจระบบทางชีวภาพของการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายก่อน:

📌 การแข็งตัวของอวัยวะเพศชายเกิดขึ้นได้อย่างไร?

เมื่อผู้ชายได้รับสิ่งเร้าทางเพศ สมองจะส่งสัญญาณไปยังเส้นประสาทที่อวัยวะเพศ ทำให้หลอดเลือดขยายตัว เลือดจึงไหลเข้าสู่องคชาตและคั่งอยู่ในเนื้อเยื่อฟองน้ำ (corpus cavernosum) ส่งผลให้อวัยวะเพศแข็งตัว

📌 บทบาทของสาร Nitric Oxide และ cGMP

ระหว่างกระบวนการนี้ สาร Nitric Oxide (NO) จะถูกปล่อยออกมา เพื่อกระตุ้นการผลิต cGMP (cyclic guanosine monophosphate) ซึ่งช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวและคลายตัวได้มากขึ้น

แต่ร่างกายก็มีเอนไซม์ที่ชื่อว่า PDE5 (Phosphodiesterase type 5) ซึ่งทำหน้าที่ย่อยสลาย cGMP ทำให้การแข็งตัวสิ้นสุดลง

📌 ไวอากร้าเข้ามาทำงานตรงไหน?

ไวอากร้าจะยับยั้งเอนไซม์ PDE5 ส่งผลให้ cGMP อยู่ในร่างกายนานขึ้น ทำให้การคลายตัวของหลอดเลือดดำดำเนินต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ เลือดจึงสามารถไหลเวียนเข้าสู่อวัยวะเพศได้มากขึ้น ส่งผลให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ดีขึ้นและนานขึ้นเมื่อมีการกระตุ้นทางเพศ


ไวอากร้ารักษา ED ได้อย่างไร?

  1. เพิ่มการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่อวัยวะเพศ

    • โดยการยับยั้ง PDE5 ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวได้เต็มที่

  2. เสริมการตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางเพศ

    • ยาไม่ทำให้เกิดการแข็งตัวโดยอัตโนมัติ ต้องมีความต้องการทางเพศก่อน

  3. ฟื้นความมั่นใจในกิจกรรมทางเพศ

    • เมื่อใช้อย่างถูกต้อง ผู้ใช้จะรู้สึกควบคุมสมรรถภาพทางเพศได้ดีขึ้น

  4. เริ่มออกฤทธิ์ใน 30-60 นาที

    • และอยู่ในร่างกายนานประมาณ 4-6 ชั่วโมง


ใครควรใช้ไวอากร้า?

ไวอากร้าเหมาะกับผู้ชายที่มีอาการดังนี้:

  • แข็งตัวไม่เต็มที่

  • แข็งตัวได้แต่ไม่สามารถคงไว้ได้จนเสร็จกิจกรรม

  • มีปัญหาสมรรถภาพที่มีสาเหตุจากหลอดเลือดหรือโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน

หมายเหตุ: ควรเริ่มจากขนาด 25-50 มิลลิกรัม และปรับตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรใช้เกิน 100 มิลลิกรัมต่อวัน


ข้อควรระวังในการใช้ไวอากร้า

  • ห้ามใช้ร่วมกับยากลุ่ม ไนเตรต (Nitrates) หรือยาโรคหัวใจ

  • หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด

  • ควรปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตต่ำ โรคตับ ไต หัวใจ

  • ห้ามใช้มากกว่า 1 เม็ดใน 24 ชั่วโมง


ผลข้างเคียงที่อาจพบ

  • ปวดศีรษะ

  • หน้าแดง

  • มองเห็นภาพซ้อนหรือมัว

  • คัดจมูก มึนงง

  • ท้องเสีย หรือคลื่นไส้

กรณีรุนแรง: หากเกิดอาการแข็งตัวเกิน 4 ชั่วโมง (Priapism) หรือแน่นหน้าอก ควรรีบพบแพทย์ทันที


ประสิทธิภาพของไวอากร้าในงานวิจัย

งานวิจัยทางคลินิกจำนวนมากยืนยันว่า ไวอากร้ามีประสิทธิภาพสูงในการรักษา ED โดยมีอัตราความพึงพอใจในผู้ใช้ประมาณ 70-80% โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็น ED จากโรคเบาหวาน ความดัน และภาวะหลอดเลือดเสื่อม

จากข้อมูลของ Journal of Sexual Medicine (2003) ระบุว่า sildenafil ช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตทางเพศได้ในผู้ชายถึง 74% เมื่อใช้เป็นเวลา 12 สัปดาห์


สรุป

ไวอากร้าเป็นทางเลือกที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำงานผ่านการยับยั้งเอนไซม์ PDE5 ทำให้เลือดไหลเวียนเข้าสู่อวัยวะเพศได้มากขึ้น ส่งผลให้แข็งตัวได้ดีและนานขึ้น โดยมีผลข้างเคียงน้อยหากใช้อย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกของยา ข้อจำกัด และควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มใช้ เพื่อให้การใช้ยาไวอากร้าเกิดประโยชน์สูงสุดและปลอดภัยต่อสุขภาพในระยะยาว


แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. U.S. Food and Drug Administration – https://www.fda.gov

  2. Pfizer Inc. – Official Viagra Information – https://www.viagra.com

  3. Mayo Clinic – Sildenafil (Viagra) – https://www.mayoclinic.org

  4. Drugs.com – Sildenafil Information – https://www.drugs.com/sildenafil.html

  5. Journal of Sexual Medicine, 2003 – “Efficacy of Sildenafil in ED Patients with Comorbid Conditions”


kamagra

Scroll to Top