Cialis ปลอมหรือแท้? 5 วิธีตรวจสอบก่อนเสียเงินฟรี

ในยุคที่การซื้อยาออนไลน์เป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้ว ความสะดวกก็อาจมาพร้อมกับความเสี่ยงโดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและสมรรถภาพทางเพศ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ยอดนิยมคือ “Cialis” หรือชื่อสามัญว่า ทาดาลาฟิล (Tadalafil) ซึ่งใช้รักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED) อย่างได้ผล แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเป้าหมายของการปลอมแปลงมากที่สุดเช่นกัน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 5 วิธีเช็ก Cialis ว่าแท้หรือปลอม ก่อนที่คุณจะเสียเงินฟรีและเสี่ยงสุขภาพโดยไม่รู้ตัว


1. ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์: ดีเทลเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

ยาปลอมมักเลียนแบบบรรจุภัณฑ์ของของแท้ได้ใกล้เคียงมาก แต่หากสังเกตให้ดีจะพบความแตกต่าง:

  • ตัวอักษรไม่ชัดเจนหรือพิมพ์เบลอ โดยเฉพาะคำว่า Cialis หรือ Tadalafil

  • ไม่มีเลขทะเบียนยา (Reg. No.) หรือมีแต่เป็นเลขปลอม ไม่สามารถตรวจสอบกับ อย. ได้

  • ไม่มีชื่อผู้ผลิตที่ถูกต้อง โดย Cialis ของแท้จะผลิตโดย Eli Lilly and Company หรือมีชื่อบริษัทย่อยที่ได้รับอนุญาต

  • กล่องหรือแผงยาบางเกินไป หรือมีรอยยับง่าย ซึ่งมักเกิดจากการใช้วัสดุคุณภาพต่ำ

เคล็ดลับ: เปรียบเทียบภาพจากเว็บไซต์ของผู้ผลิตจริง หรือเว็บไซต์ขององค์การอาหารและยา (อย.) เพื่อเทียบความแตกต่าง


2. สังเกตตัวเม็ดยา: สี รูปร่าง และสัญลักษณ์ต้องตรงเป๊ะ

Cialis ของแท้มีลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้:

  • เม็ดยารูปทรงวงรี (almond shape) สีเหลืองทอง

  • มีตัวอักษร “C” และตัวเลข เช่น “C 20” พิมพ์ไว้บนเม็ด

  • ผิวเรียบ ไม่แตก ไม่ร่วน และไม่มีผงยาเกาะด้านนอก

  • ไม่มีกลิ่นฉุนหรือกลิ่นแปลกปลอม

ยาปลอมหลายชนิดอาจพยายามทำให้เหมือน แต่จะหลุดรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น สีเพี้ยน, ลายพิมพ์เบี้ยว หรือเม็ดยาไม่แข็งแรง แตกหักง่าย


3. แหล่งซื้อ: ซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเท่านั้น

การเลือกซื้อ Cialis จากแหล่งที่ถูกต้องเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าเราจะได้ของแท้หรือไม่:

  • ร้านขายยาที่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง หรือ

  • เว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาต และแสดงข้อมูลผู้ขาย-ผู้ผลิตชัดเจน

  • หลีกเลี่ยงการซื้อจาก เพจเฟซบุ๊ก ไลน์ 

ข้อแนะนำ: ตรวจสอบเว็บไซต์กับระบบ “ตรวจสอบร้านขายยาออนไลน์” ของ อย. เพื่อดูว่ามีรายชื่ออยู่หรือไม่


4. ตรวจสอบหมายเลขล็อตและวันหมดอายุ

ทุกแผงยาของแท้จะมี หมายเลขล็อต (Lot Number) และ วันผลิต/วันหมดอายุ ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ โดย:

  • ตัวเลขจะพิมพ์คมชัดและตรงกับเลขบนกล่อง

  • หากลองเอาหมายเลขไปค้นในเว็บไซต์ของผู้ผลิต (เช่น Eli Lilly) หรือสอบถามจากตัวแทนจำหน่าย จะสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้

  • ยาปลอมมักใช้ตัวเลขปลอม ไม่มีฐานข้อมูลจริง หรือพิมพ์เบลอ พิมพ์ซ้ำในหลายล็อต

การใช้ยาหมดอายุ หรือยาที่ไม่สามารถระบุแหล่งผลิตได้ อาจส่งผลร้ายต่อร่างกายอย่างรุนแรง เช่น ภูมิแพ้ขั้นรุนแรง หรือปฏิกิริยาต่อหัวใจ


5. ผลลัพธ์การใช้งาน: สังเกตอาการหลังใช้

แม้ว่าจะตรวจสอบเบื้องต้นได้ด้วยตา แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ “ผลที่ได้รับ”:

  • ของแท้: เริ่มออกฤทธิ์ภายใน 30–60 นาที มีอาการแข็งตัวที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน และอยู่ได้นานสูงสุด 36 ชั่วโมง

  • ของปลอม: มักไม่ออกฤทธิ์ หรือออกฤทธิ์น้อยมาก และบางครั้งอาจมีอาการข้างเคียงรุนแรง เช่น เวียนหัว คลื่นไส้ ใจสั่น หรืออาเจียน

  • ยาบางชนิดที่ปลอมแปลงอาจมีส่วนผสมอื่น ๆ เช่น สารกระตุ้นหรือสารอันตรายที่ไม่ได้ระบุบนฉลาก

หากหลังจากใช้แล้วไม่ได้ผล หรือรู้สึกผิดปกติ ควรหยุดใช้ทันที และปรึกษาแพทย์โดยด่วน


ทำไมการเลือกใช้ Cialis แท้จึงสำคัญ?

Cialis ของแท้มีการวิจัยรองรับกว่า 20 ปี มีความปลอดภัยเมื่อใช้ภายใต้การควบคุมที่ถูกต้อง โดย:

  • ปริมาณตัวยาแม่นยำ ได้ผลแน่นอน

  • มีการควบคุมคุณภาพระดับสากล

  • ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงหรืออันตรายจากส่วนผสมที่ไม่รู้ที่มา

ขณะที่ยาปลอม แม้ราคาจะถูก แต่ความเสี่ยงสูงมาก ไม่เพียงแค่เสียเงินฟรี แต่ยังอาจเสี่ยงชีวิตโดยไม่รู้ตัว


สรุป: ตรวจสอบให้ชัวร์ก่อนซื้อ Cialis ทุกครั้ง

ในยุคที่การปลอมแปลงทำได้แนบเนียน การตรวจสอบยาให้มั่นใจคือการปกป้องสุขภาพของคุณเอง:

วิธีตรวจสอบ รายละเอียด
1. บรรจุภัณฑ์ ตรวจตัวหนังสือ, โลโก้, ความเรียบร้อย
2. ตัวเม็ดยา สี, รูปทรง, รหัสบนยา
3. แหล่งซื้อ เลือกแหล่งที่เชื่อถือได้
4. ล็อตและวันหมดอายุ ต้องตรวจสอบย้อนกลับได้
5. ผลการใช้งาน ควรเห็นผลจริง ไม่มีอาการแทรกซ้อนแปลก

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  • องค์การอาหารและยา (อย.) – www.fda.moph.go.th

  • เว็บไซต์ Eli Lilly – www.lilly.com

  • ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Cialis จากฐานข้อมูลยาในสหรัฐอเมริกา (Drugs.com)

cialis


kamagra

Scroll to Top