3 เหตุผลที่ควรซื้อกับเรา
ของแท้
ผลิตภัณฑ์ยาของเรานำเข้าจากต่างประเทศโดยตรงไม่ผ่านคนกลาง
ส่งฟรี ราคาไม่แพง
ผลิตภัณฑ์ยาของเราราคาประหยัดกว่ายาไวอากร้าในโรงพยาบาล
เชี่ยวชาญ
เราให้คำปรึกษาในการเลือกยาแต่ละแบบเพื่อให้เหมาะกับร่างกายในแต่ละคน
ผลิตภัณฑ์
-
Kamagra Oral Jelly ราคาส่ง เก็บเงินปลายทาง ไวอากร้าเจล ของแท้
ไวอากร้า ฿250.00ให้คะแนน 0 ตั้งแต่ 1-5 คะแนน -
Kamagra Gold ราคาส่ง เม็ดสีเขียว เก็บเงินปลายทาง ของแท้ 100%
ไวอากร้า ฿350.00ให้คะแนน 0 ตั้งแต่ 1-5 คะแนน -
ไวอากร้าไฟเซอร์ ราคาส่ง เก็บเงินปลายทาง Viagra Pfizer ของแท้
ไวอากร้า฿1,200.00Original price was: ฿1,200.00.฿1,150.00Current price is: ฿1,150.00.ให้คะแนน 0 ตั้งแต่ 1-5 คะแนน -
Super Kamagra ราคาส่ง เก็บเงินปลายทาง ของแท้ แข็ง+อึด 100 mg
ไวอากร้า ฿450.00ให้คะแนน 0 ตั้งแต่ 1-5 คะแนน -
Cialis 20 mg ราคาส่ง เก็บเงินปลายทาง ของแท้ 100% นำเข้าโดยตรง
ไวอากร้า ฿450.00ให้คะแนน 0 ตั้งแต่ 1-5 คะแนน -
ไวอากร้าหมาป่าแดง ราคาส่ง เก็บเงินปลายทาง ของแท้ นำเข้า
ไวอากร้า ฿250.00ให้คะแนน 0 ตั้งแต่ 1-5 คะแนน -
caverta ราคาส่ง เก็บเงินปลายทาง ไวอากร้าอินเดีย ของแท้ 100%
ไวอากร้า ฿250.00ให้คะแนน 0 ตั้งแต่ 1-5 คะแนน
ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนใช้ไวอากร้า
1. กลไกการออกฤทธิ์
ไวอากร้า มีชื่อสามัญว่า ซิลเดนาฟิล (Sildenafil)
ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศโดยการยับยั้งเอนไซม์ PDE5 ทำให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศดีขึ้น
ต้องมี การกระตุ้นทางเพศร่วมด้วย จึงจะได้ผล
2. วิธีใช้ยา
รับประทานก่อนมีเพศสัมพันธ์ ประมาณ 30–60 นาที
ออกฤทธิ์ได้นานประมาณ 4–6 ชั่วโมง
ห้ามใช้เกินวันละ 1 เม็ด (50-100 มก. ตามคำแนะนำแพทย์)
3. ข้อห้ามใช้
ห้ามใช้ร่วมกับยาไนเตรต (เช่น ยาโรคหัวใจบางชนิด) เพราะอาจทำให้ความดันต่ำรุนแรง
ผู้ที่มี โรคหัวใจรุนแรง, ความดันต่ำ, หรือเพิ่งมี เส้นเลือดสมอง/หัวใจวาย ควรหลีกเลี่ยง
ผู้ที่มี โรคตับ หรือ ไตระยะรุนแรง ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
4. ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ปวดศีรษะ
หน้าแดง
คลื่นไส้
คัดจมูก มองเห็นภาพมัว
ใจสั่น หรือหัวใจเต้นเร็ว
หากมีอาการข้างเคียงรุนแรง เช่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หรือการแข็งตัวเกิน 4 ชั่วโมง ควรรีบพบแพทย์
5. การใช้ร่วมกับอาหารและแอลกอฮอล์
หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เพราะอาจลดประสิทธิภาพยา
การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจทำให้การแข็งตัวไม่ดี หรือเกิดอาการเวียนหัวมากขึ้น
6. ไวอากร้าไม่ใช่ยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศ
ยานี้ไม่ได้ทำให้เกิดความต้องการทางเพศโดยตรง
ใช้ได้ผลต่อเมื่อมีความต้องการหรือการกระตุ้นทางเพศ
7. การปรึกษาแพทย์
ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัว หรือใช้ยาอื่นอยู่
หากอายุมากกว่า 50 ปี ควรตรวจสุขภาพหัวใจก่อนใช้
บทความที่น่าสนใจ

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction: ED)
งานวิจัยจากสหรัฐอเมริกาพบว่าผู้ชายวัยกลางคน (40-70 ปี) กว่า 52% มีความผิดปกติด้านการแข็งตัวในระดับใดระดับหนึ่ง ปัจจุบันนี้คาดการณ์ว่าในปี ค.ศ.2025 จะมีจำนวนผู้ชายทั่วโลกที่ประสบภาวะ ED สูงถึง 322 ล้านคน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ED เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญระดับโลก ไม่ใช่แค่เรื่องเฉพาะบุคคล
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction – ED) เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ชายสูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง ทั้งนี้มีการประมาณว่าเฉพาะในสหรัฐอเมริกามีผู้ชายราว 30 ล้านคน ที่ประสบภาวะ ED อยู่ ไวอากร้า (Viagra) ซึ่งมีชื่อสามัญทางยาว่า ซิลเดนาฟิล ไซเตรต เป็นยาเม็ดรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศชนิดแรกที่ได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในปี ค.ศ. 1998 ยานี้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับวงการดูแลสุขภาพเพศชาย และกลายเป็นยาที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วโลก จากการที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ ทำให้ไวอากร้าเปิดโอกาสให้ผู้ชายได้เข้าพบแพทย์และพูดคุยปัญหาสุขภาพทางเพศมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลทางการแพทย์เกี่ยวกับไวอากร้าอย่างเป็นทางการ โดยครอบคลุม
(1) ประสิทธิภาพของยาไวอากร้าในการรักษาภาวะ ED
(2) ความปลอดภัยในการใช้ยาจากผลการศึกษาทางการแพทย์และคำแนะนำของแพทย์
(3) ผลข้างเคียงที่พบบ่อยของยาและแนวทางการป้องกันหรือรับมือ
(4) รีวิวหรือประสบการณ์จากผู้ใช้จริงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลครบถ้วนสำหรับการตัดสินใจและใช้งานยาอย่างปลอดภัย
ประสิทธิภาพของยาไวอากร้าในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ไวอากร้าทำงานโดยการเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศชายผ่านการยับยั้งเอนไซม์ PDE5 ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อเรียบในหลอดเลือดของเนื้อเยื่อองคชาตขยายตัว เลือดจึงเข้าสู่เนื้อเยื่อได้มากขึ้นและเกิดการแข็งตัวที่เพียงพอต่อการมีเพศสัมพันธ์เมื่อมีการกระตุ้นทางเพศ. ประสิทธิภาพของไวอากร้าได้รับการพิสูจน์แล้วจากงานวิจัยจำนวนมาก ทั้งในการทดลองทางคลินิกและการใช้จริงหลังออกสู่ตลาด. การทบทวนงานวิจัย (meta-analysis) ซึ่งรวมผลการทดลองแบบสุ่มระดับนานาชาติรายงานว่า ผู้ชายที่ใช้ไวอากร้ามีโอกาสการแข็งตัวและร่วมเพศสำเร็จสูงกว่ากลุ่มยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยพบว่าประมาณ 79% ของผู้ป่วยที่ใช้ไวอากร้า “ตอบสนองต่อการรักษา” (การแข็งตัวดีขึ้น) เทียบกับเพียง 21% ในกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ในทำนองเดียวกัน การศึกษาทางคลินิกในภูมิภาคเอเชีย (โครงการ ASSESS-2) ซึ่งมีประเทศไทยเข้าร่วม รายงานว่า 81% ของผู้ป่วยชายที่มีภาวะ ED สามารถกลับมาแข็งตัวได้เพียงพอต่อการมีเพศสัมพันธ์หลังใช้ไวอากร้าเป็นเวลา 12 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับ 28% ในกลุ่มยาหลอก ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันนี้ยืนยันว่าไวอากร้ามีศักยภาพในการรักษา ED ได้อย่างมีประสิทธิผล ไม่ว่าจะในผู้ป่วยชาวตะวันตกหรือชาวเอเชียก็ตาม
นอกจากนี้ ไวอากร้ายังแสดงประสิทธิภาพครอบคลุมผู้ป่วยหลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่ผู้ที่มีอาการ ED เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง รวมถึงผู้ที่มีโรคหรือภาวะอื่นร่วมด้วย. ผลการวิจัยชี้ว่า โดยเฉลี่ยยาไวอากร้าสามารถช่วยให้ประมาณ 7 ใน 10 คน ที่มีปัญหา ED กลับมามีการแข็งตัวที่ดีขึ้นได้ และยังพบว่าส่งผลดีในผู้ป่วยที่มีสาเหตุรองจากโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน การบาดเจ็บไขสันหลัง หรือปัญหาด้านจิตใจ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบปัสสาวะรายงานว่าไวอากร้าช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศจนส่งผลทางอ้อมให้ คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น อย่างชัดเจน ทั้งในด้านความมั่นใจในตนเองและความสัมพันธ์กับคู่ครอง ข้อมูลจากแบบสอบถามดัชนีสมรรถนะทางเพศระหว่างประเทศ (IIEF) และแบบวัดความพึงพอใจในการรักษา (EDITS) ก็ยืนยันว่าไวอากร้าช่วยปรับปรุงความสามารถในการแข็งตัวและความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์ของผู้ป่วยได้ดีกว่าการไม่ได้รับการรักษาอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยเหตุนี้ ไวอากร้าจึงถูกใช้เป็นยามาตรฐานด่านแรกในการรักษา ED ที่แพทย์ทั่วโลกให้การยอมรับ
ความปลอดภัยในการใช้งาน
ไวอากร้าเป็นยาที่ผ่านการศึกษาความปลอดภัยอย่างกว้างขวาง ทั้งก่อนและหลังออกสู่ตลาด. ในขั้นตอนการทดลองทางคลินิกก่อนการอนุมัติ ไวอากร้าถูกทดลองในผู้ชายมากกว่า 3,700 คน ที่มีอายุระหว่าง 19–87 ปี และมีผู้ป่วยกว่า 550 คนที่ได้รับยาอย่างต่อเนื่องนานเกิน 1 ปีเพื่อประเมินผลระยะยาว ผลการทดลองระยะสั้นและระยะยาวเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าไวอากร้ามีความปลอดภัยอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจเมื่อใช้ตามขนาดที่แนะนำ. อัตราการหยุดยาเนื่องจากผลข้างเคียงในการทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมด้วยยาหลอกพบว่า กลุ่มที่ใช้ไวอากร้ามีอัตราการหยุดยาเพราะอาการไม่พึงประสงค์เพียง 2.5% ซึ่งไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากกลุ่มยาหลอกที่ 2.3% นั่นหมายความว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถทนต่อยาได้ดีพอๆ กับการใช้ยาหลอก และผลข้างเคียงที่รุนแรงจนต้องหยุดยาเกิดขึ้นน้อยมาก. ยิ่งไปกว่านั้น ในการติดตามการใช้ไวอากร้าในระยะยาว (การศึกษาต่อเนื่องนาน 4 ปีในผู้ป่วยเกือบหนึ่งพันคน) พบว่ามีผู้ป่วยเพียง 3.8% เท่านั้นที่จำเป็นต้องปรับขนาดยาหรือลดขนาดยาหรือหยุดยาเนื่องจากอาการข้างเคียง และไม่มีกรณีผลข้างเคียงร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับยาโดยตรง อัตราการความพึงพอใจและการคงใช้ยาของผู้ป่วยยังคงสูงตลอดการติดตาม (ดังจะกล่าวในหัวข้อประสบการณ์ผู้ใช้) ซึ่งบ่งชี้ถึงทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยของไวอากร้าจะขึ้นอยู่กับการใช้อย่างถูกต้องตามข้อบ่งใช้และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์. มียาบางประเภทและภาวะบางอย่างที่ห้ามใช้หรือควรระมัดระวังเป็นพิเศษร่วมกับไวอากร้า. ที่สำคัญที่สุดคือ ห้ามใช้ไวอากร้าร่วมกับยาในกลุ่มไนเตรต (เช่น ไนโตรกลีเซอริน, ไอโซซอร์ไบด์) ซึ่งใช้รักษาโรคหัวใจและภาวะเจ็บแน่นหน้าอก เพราะยาทั้งสองชนิดเป็นยาขยายหลอดเลือดเหมือนกัน การใช้ร่วมกันจะเสริมฤทธิ์กันและอาจทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงมากจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) และบริษัทผู้ผลิตได้ออกคำเตือนอย่างชัดเจนตั้งแต่หลังยาออกสู่ตลาดว่า “อย่าใช้ไวอากร้าร่วมกับยาไนเตรต” เนื่องจากพบรายงานผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากความดันต่ำเฉียบพลันหลังใช้ยาผิดวิธีในลักษณะนี้มาแล้ว นอกจากนี้ แพทย์ยังแนะนำให้ผู้ป่วยแจ้งประวัติโรคหัวใจหรือหลอดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง, ความดันโลหิตต่ำหรือสูงที่ไม่สามารถควบคุม, โรคตับหรือไตขั้นรุนแรง และรายการยาที่ใช้อยู่ทั้งหมดให้แพทย์ทราบก่อนเริ่มยาไวอากร้า เพราะภาวะเหล่านี้อาจมีผลต่อความปลอดภัยในการใช้ยา. ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง, หัวใจขาดเลือด, หรือหัวใจวายไม่ควรใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากกิจกรรมทางเพศเองก็เป็นปัจจัยกระตุ้นหัวใจ หากร่างกายไม่พร้อมอาจเกิดอันตรายได้
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยและแนวทางการป้องกัน/รับมือ
แม้ไวอากร้าจะมีความปลอดภัยที่ดีในภาพรวม แต่เช่นเดียวกับยาทุกชนิด อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาการไม่รุนแรงและชั่วคราว. ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (เกิดในผู้ใช้มากกว่า 2% ตามข้อมูลการทดลอง) ได้แก่:
ปวดศีรษะ – อาการปวดหัวเล็กน้อยถึงปานกลาง
หน้าแดงและร้อนวูบวาบ – ใบหน้าหรือร่างกายส่วนบนแดงขึ้นและรู้สึกร้อน
อาหารไม่ย่อยหรือกรดไหลย้อน (dyspepsia) – แน่นท้อง เรอเปรี้ยว
คัดจมูก/น้ำมูกไหล – อาการคล้ายหวัดจากหลอดเลือดจมูกขยาย
ปวดหลัง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ – อาการปวดเมื่อยตามตัวเล็กน้อย
คลื่นไส้ มึนศีรษะ – บางรายอาจรู้สึกเวียนศีรษะ หรือคลื่นไส้เล็กน้อย
การมองเห็นผิดปกติชั่วคราว – เช่น เห็นสีผิดเพี้ยน (มองเห็นเป็นสีฟ้าหรือเขียวอ่อน), ตามัวเล็กน้อย
ผื่นขึ้น – ผื่นแพ้ผิวหนังระดับไม่รุนแรง
รายการข้างต้นเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยและมักเกิดขึ้นในระดับความรุนแรงต่ำถึงปานกลางเท่านั้น รายงานการทดลองระบุว่าผลข้างเคียงเหล่านี้มักเกิดขึ้นสัมพันธ์กับขนาดยาที่ใช้ กล่าวคือ ขนาดยา 25–100 มก. ที่เป็นขนาดแนะนำทั่วไปจะมีโอกาสเกิดอาการข้างเคียงน้อยลง ขณะที่การใช้ขนาดยาที่สูงเกินกว่า 100 มก. ไม่ให้ประสิทธิผลในการรักษาเพิ่มขึ้น แต่กลับเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงมากขึ้นอย่างชัดเจนดังนั้น แนวทางการป้องกันผลข้างเคียงที่ดี คือ การใช้ยาในขนาดที่เหมาะสมตามที่แพทย์สั่ง (ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเองเกินกว่า 100 มก. ต่อครั้ง) และหลีกเลี่ยงการใช้ยาบ่อยเกินคำแนะนำ (ปกติไม่เกินวันละครั้ง). สำหรับผู้ที่เริ่มยาใหม่ แพทย์อาจเริ่มด้วยขนาด 25–50 มก. เพื่อดูการตอบสนองและปรับขนาดยาตามความจำเป็น ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้
การรับมือกับผลข้างเคียง: ผลข้างเคียงทั่วไปของไวอากร้ามักจะเกิดขึ้นชั่วคราวและ หายได้เองโดยไม่ต้องรักษาเพิ่มเติม หากมีอาการปวดศีรษะหรืออาหารไม่ย่อยเล็กน้อย ผู้ใช้สามารถดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ อาการมักจะบรรเทาลงได้เองในไม่กี่ชั่วโมง. การรับประทานยาหลังอาหารมื้อไม่หนักหรือหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูงก่อนใช้ยา อาจช่วยลดอาการอาหารไม่ย่อยได้บ้างเนื่องจากอาหารไขมันสูงอาจทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ช้าลงและเพิ่มความอึดอัดในทางเดินอาหาร. อาการหน้าแดงหรือคัดจมูกมักเกิดช่วงยาออกฤทธิ์ใหม่ๆ และจะหายไปเองเช่นกัน ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินร่วมกับการใช้ยา เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้ความดันเลือดต่ำลงและทำให้อาการมึนศีรษะรุนแรงขึ้น
แม้ผลข้างเคียงส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง แต่ ผู้ใช้ควรตระหนักถึงสัญญาณอันตรายบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้แม้พบน้อยมาก และต้องรีบพบแพทย์ทันทีหากเกิดอาการเหล่านี้ ได้แก่ การแข็งตัวของอวัยวะเพศที่ยาวนานผิดปกติหรือเจ็บปวด (priapism) เกินกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งแม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนักแต่เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้เนื้อเยื่อองคชาตเสียหายและเสื่อมสมรรถภาพอย่างถาวรได้ นอกจากนี้ การสูญเสียการมองเห็นเฉียบพลันในตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง และ การสูญเสียการได้ยินหรือมีเสียงดังในหูเฉียบพลัน ก็เป็นอาการร้ายแรงที่เคยมีรายงานภายหลังการใช้ยาไวอากร้า (พบได้น้อยมาก) ซึ่งหากเกิดขึ้น ผู้ใช้ต้องหยุดยาและรีบติดต่อแพทย์ทันที อาการรุนแรงอื่นๆ ที่เป็นไปได้แต่พบได้น้อย ได้แก่ เจ็บหน้าอกรุนแรงเป็นสัญญาณกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน, เป็นลมหรือหมดสติจากความดันโลหิตตก โดยอาการเหล่านี้มักสัมพันธ์กับการใช้ยาผิดข้อบ่งใช้หรือมีโรคหัวใจรุนแรงร่วมด้วย. หากผู้ใช้มีอาการดังกล่าวควรโทรเรียกรถพยาบาลหรือไปโรงพยาบาลทันที
สรุปแล้ว ผลข้างเคียงของไวอากร้าส่วนใหญ่เป็นอาการไม่ร้ายแรงและจัดการได้ง่ายโดยการปรับพฤติกรรมหรือขนาดยา ทั้งนี้ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงของอาการไม่พึงประสงค์ และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ยา
รีวิวและประสบการณ์จากผู้ใช้จริง
นับตั้งแต่เปิดตัวมา ไวอากร้าได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก และมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตทางเพศของผู้ชายหลายล้านคน. สถิติสะท้อนความนิยมของยานี้เป็นอย่างดี – ภายในระยะเวลาประมาณ 20 ปีหลังวางตลาด มีผู้ชายมากกว่า 62 ล้านคน ทั่วโลกที่เคยใช้ไวอากร้าในการรักษาภาวะ ED ซึ่งบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นและการยอมรับในประสิทธิภาพของยานี้อย่างกว้างขวาง. ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพศชายบางรายถึงกับกล่าวว่าไวอากร้าได้ “พลิกโฉม” การดูแลสุขภาพผู้ชาย เพราะทำให้ผู้ชายที่ไม่เคยสนใจเข้าพบแพทย์ เริ่มเปิดใจมาปรึกษาปัญหาสุขภาพของตนมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การดูแลสุขภาพองค์รวมที่ดีขึ้นด้วย
ในแง่ประสบการณ์ของผู้ใช้ งานวิจัยหลายชิ้นรายงานระดับความพึงพอใจที่สูงมากทั้งในผู้ป่วยและคู่ครองของพวกเขา หลังการใช้ไวอากร้า. การศึกษาหนึ่งได้วัดผลโดยใช้แบบสอบถามความพึงพอใจในการรักษา (EDITS) พบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับไวอากร้าและคู่สมรสของพวกเขาต่างให้คะแนนความพึงพอใจสูงกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ หลังการรักษา 12 สัปดาห์ กล่าวคือ ไม่เพียงผู้ชายจะรู้สึกพึงพอใจที่สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น คู่ครองเองก็รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงและมีความสุขกับชีวิตคู่มากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลดีของยาในด้านจิตใจและความสัมพันธ์. นอกจากนี้ ในการศึกษาระยะยาว 4 ปีที่ติดตามผู้ป่วยที่ใช้ไวอากร้าอย่างต่อเนื่อง นักวิจัยพบว่า กว่า 94% ของผู้ป่วยยังคงรายงานว่า “พึงพอใจต่อผลของการรักษาที่มีต่อการแข็งตัว” และยืนยันว่าการรักษาช่วยให้พวกเขามีเพศสัมพันธ์ได้ดีขึ้นทุกปีที่ทำการติดตาม ซึ่งผลการติดตามดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ไม่มีการลดลงของประสิทธิผลหรือความทนต่อยา (tachyphylaxis) แม้ใช้ยาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงได้ผลลัพธ์ที่ดีและต้องการใช้ยาต่อเนื่องโดยไม่รู้สึกว่าประสิทธิภาพลดลง
เสียงตอบรับจากแพทย์ผู้รักษาก็สอดคล้องกับประสบการณ์ของผู้ป่วยจริง. แพทย์รายงานว่าเมื่อผู้ป่วย ED ได้ใช้ไวอากร้าและเห็นผลในการฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ ผู้ป่วยมักมีความมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น มีความเครียดหรือวิตกกังวลเรื่องเพศสัมพันธ์ลดลง และมีคุณภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้นตามมา ผู้ชายหลายคนที่เคยรู้สึกสูญเสียความเป็นชายหรือมีปมด้อยจากการหย่อนสมรรถภาพ พบว่าการมีทางเลือกในการรักษาที่ได้ผลอย่างไวอากร้าช่วยให้พวกเขากลับมามีชีวิตชีวาและเชื่อมั่นในบทบาทคู่ชีวิตอีกครั้ง. ในมุมมองของคู่สมรสหรือนคู่รัก การที่ฝ่ายชายสามารถกลับมามีสมรรถภาพตามปกติช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น ลดปัญหาความตึงเครียดในชีวิตคู่ และส่งผลดีต่อสุขภาพจิตใจของทั้งสองฝ่าย